ในวงการลูกหนังในปัจจุบันหานักฟุตบอลที่จะค้าแข้งกับสโมสรเดียวมาตั้งแต่เริ่มอาชีพ ซึ่งเป็นไปได้ยาก ไม่ว่าจะเรื่องความสำเร็จชื่อเสียงหรือเม็ดเงินที่ล่อตาล่อใจอย่างมากทำให้ไม่แปลกที่แข้งดังทั้งหลายอยากอำลาทีมของตัวเองเพื่อก้าวไปอยู่ในจุดที่ดีมากกว่าเดิม เพราะว่าอายุการทำงานในอาชีพนี้มันไม่่มากนักจึงพอเข้าใจว่าจังหวะชีวิตที่รุ่งโรจน์อยู่ก็ต้องรีบคว้าโอกาสไว้ดั่งสุภาษิตที่กล่าวว่า น้ำขึ้นให้รีบตักอย่างไรก็ตาม ยังมีนักเตะที่รักสโมสรลงเล่นทุ่มเทอย่างเต็มไม่เคยจะย้ายไปลงเล่นทีมใดจนถึงช่วงปลายอาชีพค้าแข้งจะด้วยหัวใจที่ผูกพันธ์หรือความภาคภูมิใจอะไรก็ตามที วันนี้เราจะพาไปดู 5 นักเตะที่ตลอดอาชีพค้าแข้งเตะบอลให้สโมสรเดียวมาตลอด
5 ฟรานเชสโก้ ต็อดติ เจ้าชายแห่งหมาป่าแห่งดรุงโรม ผู้นี้ คือสุดยอดตำนานแข้งทีมโรม่า ที่เหล่าแฟนบอล จัลโล่รอซซี่ รักมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว ต็อดติ เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ประจำสโมสรเลยทีเดียว
เวลาทัพ หมาป่าเหลืองแดง ลงสนามภายใต้การนำทัพของ ต็อตติ มักจะสร้างความหวาดหวั่นให้คู่แข่งไม่มากก็น้อยด้วยบารมีของความเป็นผู้นำและอิทธิพลที่ส่งผลต่อเกมการแข่งขัน เขาถือเป็นยอดกองหน้าที่ครบเครื่องคนหนึ่งของวงการลูกหนังเลยทีเดียว เพราะเจ้าตัวมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกอย่างกับการยอดนักเตะไม่ว่าจะเป็น เทคนิคความสามารถเฉพาะตัว การวางเท้าในการยิงประตูที่ทำให้เรื่อยยากกลายเป็นเรื่องง่ายเลยทีเดียว
ซึ่งด้วยความมีออร่าของ ซุปเปอร์สตาร์อย่างมากทำให้ ต็อตติ ตกเป็นเป้าหมายในการคว้าตัวของหลายสโมสรในยุโรป โดยหนึ่งในนั้นก็คือ เรอัล มาดริด ยอดทีมมหาอำนาจแห่งแดนกระทิงดุในตอนนั้นพวกเค้าเต็มไปด้วยเหล่านักเตะเวิร์ลคลาสอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน , หลุยซ์ ฟิโก้ ,โรเบร์โต้ คาร์ลอส ,โรนัลโด้ และอีกหลายคน ราชันชุดขาว อยากได้ ต็อตติ ไปร่วมทีมขุนพล กาลาติกอส อย่างมาก แต่ทว่าเขาปฏิเสธที่ย้ายทีมไปและ มอบหัวใจของตัวเองให้กับสโมสรที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เด็กอย่างโรม่า
ถึงแม้เจ้าตัวจะคว้าแชมป์ ซีเรีย อา อย่างยิ่งใหญ่เพียงแค่หนเดียวกับทีมในปี 2001 ก็ตามที ถ้าหากว่า ต็อตติ เลือกย้ายไปค้าแข่งในถิ่น ซานติเอโก้ เบร์นาบิว แล้วละก็บางทีเขาอาจจะได้คว้าแชมป์มาประดับเกียรติยศของตัวเองมากกว่านี้ รวมทั้งอาจคว้ารางวัล บัลลงดอร์ก็เป็นได้
ต็อตต ได้ ประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2017 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังรับใช้ทีีม โรม่า มาอย่างยาวนานถึง 25 ปี เลยทีเดียว
4. พอล สโคลล์ ยอดกองกลางทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่คือหนึ่งในนักเตะที่ถูกยกย่องว่าเก่งที่สุดมากคนหนึ่งในวงการฟุตบอลเลยทีเดียว
เขาเป็นกำลังขับเคลื่อนในแดนกลางที่สำคัญอย่างมากของทัพปีศาจแดงมาโดยตลอดนับตั้งแต่เจ้าตัวก้าวมาเล่นชุดใหญ่ในปี 1994 เขาถือเป็นหนึ่งในขุนพล คลาส ออฟ 92 ประกอบไปด้วย เดวิด เบคแคม ,พี่น้อง เนวิลล์ ,นิกกี้ บัตต์, ไรอัน กิ๊ก รายชื่อเหล่านี้คือนักเตะที่ถูกดันขึ้นมาจากศูนย์เยาวชนของสโมสร
สโคลล์ ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับทีม ปีศาจแดง เขาร่วมทีมคว้าแชมป์ มาอย่างมากมายนับไม่ถ้วนทั้ง พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์, เอฟเอ คัพ, แชมป์สโมสรโลก อีกนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
ถึงแม้เขาจะไม่ได้รางวัลเกียรติยศส่วนตัวมาประดับบารมีก็ตาม แต่ถ้าให้นึกถึงกองกลางที่มีความยอดเยี่ยมไมเป็นสองรองใครกฤ็ต้องมีชื่อ มิดฟิด์หัวแดงเพลิงผู้นี้รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
ซึ่งเสียงยืนยันถึงเรื่องนี้มาจาก ซาบี้ เฮร์นานเดซ ยอดจอมทัพ อัจฉริยะ ของ บาร์เซโลน่าที่ยกให้ สโคลส์ เป็นกองกลางที่เเก่งที่สุดในโลกคนหนึ่งเลยทีเดียว เขามีความสามารถที่สามารถกำหนดทิศทางของเกมไม่ว่าจะการจ่ายบอลที่ดีเยี่ยม การวางบอลแม่นยำเหมือนจับวาง รวมถึง ลูกยิงไกลที่หวังผลได้เสมอ
เจ้าตัวเป็นท่ี่รักของแฟนบอล เดอะ เร้ด เดวิลล์ มา่เสมอ เขาเป็นคนไม่ค่อยชอบออกสื่อมีภาพลักษณ์ที่ดีมาโดยตลอด สโคลล์ ลงสนามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยความมุ่งมั่น และ ใส่เต็มร้อยแบบไม่มียั้ง เขาถือเป็นนักเตะที่ใครหลายคนยกให้เป็นไอดอลในดวงใจ เขาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับทีม แมนฯ ยู มาตลอด ลงสนามให้ต้นสังกัดไปถึง 499 นัด และยิงไปถึง 107 เลยทีเดียว สโคลลฺ์ตัดสินใจแขวนเกือกไปใน 2013
หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยประกาศยุติบทบาทนักฟุตบอลไปครั้งหนึ่งแล้วหลังจบฤดูกาล 2010-2011 ก่อนจะกลับมาช่วยทีมรักอีกเพียง 2 ปี เท่านั้น
3. ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดชาวเวลส์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแข้งดาวดังที่ขึ้นมาพร้อมๆกับ พอล สโคลล์ เขาเป็นเด็กปั้นขนานแท้ของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่ง เบอ 11 ที่เขาสวมใส่มาตลอดการค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดทำให้ แฟนบอลทั่วโลกจดจำได้เป็นอย่างดีว่า กิ๊กส์ ถือเป็นหนุึ่งในยอดนักเตะที่พาทีมชนความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร
กิ๊กได้เดบิวต์ให้กับ ผีแดง ครั้งแรกในปี 1990 เขามีสไตล์เป็นแบบปีกสไตล์โบราณนั่นก็คือ เลี้ยงจนสุดเส้นหลังแล้วเปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษให้เพื่อนร่วมทีมหาโอกาสทำประตู แต่ กิ๊ก มีความแตกต่างไปจากปีกในสมัยนั้นก็คือ เขาสามารถหุบเข้ามาคอยกระชากลากเลื้อยปั่นป่วนกองหลังฝ่ายตรงข้ามตรงกรอบเขตโทษได้ด้วยเช่นกันรวมทั้งใช้ความเร็วฉีกแนวรับเป็นชิ้นๆ รวมทั้งยิงประตูได้ด้วยสัญชาติญานแบบกองหน้าเลยทีเดียว
ในความจงรักภักดีแล้ว เจ้าตัวถือว่ามั่นคงในการจะฝากอนาคตให้กับทีมรักมาโดยตลอด ยามใดที่มี กิ๊กส์ ในสนาม แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถที่จะต่อกรกับทีมไหนก็ได้เลยทีเดียว เพราะว่าความมหัศจจรย์ของ ปีกซ้ายหน้าขนผู้นี้ ทำให้กองหลังต้องเเจอความยากลำลากในการรับมืออย่างมาก
ซึ่งในนัดที่หลายคนคงจำกันได้คือ ช็อต ที่ ไรอัน กิ๊ก โซโล่เดี่ยวมาจากครึ่งสนามเลี้ยงหลบกองหลังทีม อาร์เซน่อล คนแล้วคนเล่าจนเลี้ยงเข้าไปยิงแสกหน้า เดวิด ซีแมน นายทวารมือหนึ่งทีมชาติ อังกฤษ ในสมัยนั้น อย่างได้สุดยอด ซึ่งเป็นการประตูชัยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปในช่วงต่อเวลา 2-1 ศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ปี 1999
เขารับใช้ ผีแดง ไปทั้งหมด 672 นัด และซัดไปถึง 114 ประตู ด้วยกัน กิ๊กส์ อำลาสนามไปในปี 2014 จนบัดนี้ถ้าเทียบกันแล้วยังหาปีกซ้ายคนใดที่จะยอดเยี่ยมได้เท่าเขาอีกแล้ว
2. ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ย้ายมาทางฝั่งอิตาลี กันบ้าง ถ้าจะให้หาคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมได้รับชัยชนะเล่นได้อย่างแน่นอน สุขุมเยือกเย็น รวมทั้งเล่นได้สารพัดประโยชน์แล้วละก็ ซาเน็ตติ ก็ คือเป็นหนึ่งในนักเตะที่กล่าวมานั้น
ตำนานกองหลังทีมชาติ อาร์เจนติน่า ของ อินเตอร์ มิลาน ถือเป็นนักเตะที่มอบกายมอบวิญญานให้กับทัพ เนรัซซูรี่ มานานจนกลายเป็นว่า เขาเป็นอกหนึ่งนักเตะในความทรงจำของแฟนบอลทีม งูใหญ่ ที่เชิดชูบูชา ไม่แพ้ ต็อตติ ที่โรม่า รักเช่นเดียวกัน
เขาเป็นกองหลังที่สกัดบอลได้อย่างแม่นยำและยังเล่นได้หลากหลายตำแหน่งทั้ง แบ็คขวา แบ็คซ้าย เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ หรือดันขึ้นมาเล่นเป็นกองกลางตัวรับ ก็เป็นมาแล้วในยุคของ มูรินโญ่ ที่พาทีม อินเตอร์ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 2010 ได้อย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย ซาเน็ตติได้ลงเล่นทามกลางนักเตะชื่อดังมากมายมานักต่อนักตั้งแต่ยุค อิวาน ซาโมราโน่ กองหน้าคนดังของทีมชาติ ชิลี หรือจะเป็น คริสเตียน วิเอรี่ กองหน้าจอมเวหาททีมชาติอิตาลี รวมทั้ง อัลวาโร่ เรโคบ้า ยอดดาวเตะทีมชาติอุรุกวัย อีกด้วย
เขาลงเล่นให้ อินเตอร์ มิลานมาตั้งแต่ ในปี 1995 ลงสนามให้ทีมดังแห่งเมืองมิลานไปทั้งหมด 615 นัด ถือว่าเป็นการรับใช้สโมสรมากๆเป็นอันดับต้นของประวัติศาสตร์ของฟุตบอลกัลโช่ ซีเรีย อา เลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้มีความเร็วมากนักแต่ทดแทนด้วยการอ่านเกมที่ทะลุปรุโปร่ง เด็ดขาด เรียกว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ไว้ใจได้เสมอยามลงสนามให้ทีม ด้วยความเป็นผู้นำสั่งการเพื่อนร่วมทีมอยู่ตลอดทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมอีกด้วย
ความสำคัญของเขากับสโมสร อินเตอร์ มีมากขนาดที่ว่าภายหลัง เขาได้แขวนสตั๊ดไปในปี 2014 นั้น เสื้อเบอร์ 4 ของเขาเองที่ใส่มาตลอด ทางสโมสรได้ยกเลิกเสื้อเบอร์นี้ไปไม่ให้ผู้เล่นคนใดได้ใช้อีก เพื่อเป็นเกียรติให้กับความจงรักภักดีของเขาอีกด้วย
ทั้งนี้ เจ้าตัวเล่นฟุตบอลจนถึงอายุ 41 ปีเลยทีเดียว ซึ่งตามธรรมดาโดยเฉลี่ยนักบอลอายุ 32-36 ก็คืออายุที่นักเตะมองถึงการเลิกเล่นไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับ ซาเน็ตติ ถ้าอยากรู้ว่า อายุเป็นอุปสรรคในการลงเล่นไหมต้องไปถาม กาก้า ยอดเพลย์เมเกกอร์รูปหล่อทีมชาติ บราซิล ที่เคยโชว์ฟอร์มไม่ออกเลยทีเดียวในเกมส์ที่ทั้งสองต้องเจอกัน
1. เปาโล มัลดินี่ ยอดแบ็คซ้ายระดับตำนานทีมชาติอิตาลี ชื่อนี้ไม่ใชแค่แฟนบอล เอซี มิลาน ที่จะรู้จักมักคุ้นอย่างดี แต่แฟนบอลทั่วโลกก็รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของ มัลดินี่ เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
เจ้าตัวถือเป็นสัญลักษณ์ประจำทีมเลยทีเดียว ใครๆก็พอทราบถึงความเก่งกาจของ มัลดินี่ ว่ามากแค่ไหน เจ้าตัวมีความเด็ดขาดแบบกัดไม่ปล่อยให้กองหน้าคู่ต่อสู้เล่นได้ง่าย เวลา มัลดินี่ ลงจับคู่เป็นปราการหลังตัวกลาง กับ อเลสซานโดร เนสต้า นี่เปรียบเหมือนกำแพงเหล็กชัดๆยากมากที่ใครจะทลายกำแพงคู่นี้ไปได้
ตำนานหมายเลข 3 ผู้นี้ ทำผลงานได้เสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด ร่วมทีมคว้าแชมป์มาอย่างก่ายกองล้นตู้เป็นว่าเล่นเลยทีเดียว ความเทพและความฮอตของ มัลดินี่ ทำให้เจ้าตัวเคยได้อันดับ 2 นักเตะยอดเยี่ยมของยูโรปอีกด้วย โดยคนที่คว้า รางวัลบัลลงดอร์ในปี 1995 นั้นก็คือ จอร์จ เวอาห์ กองหน้าเพื่อนร่วมทีมของ มัลดินี่ นั้นเอง
เขาถือเป็นลูกหม้อโดยแท้ของ เอซี มิลาน เขาได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 1984 เขาใส่เสื้อสีแดงดำมาตลอดยาวนานจนถึง 25 ปี จนถึงปี 2009 มัลดินี่ ประกาศหันหลังให้อาชีพนักฟุตบอลไปในที่สุด
ความสัมพันธ์อันแน้นแฟ้นของเขาที่มีให้สโมสร เอซี มิลาน ยังคงไม่จางหายไปไหน ถึงแม้เขา่จะไม่ได้ลงสนามให้ทีมในฐานะนักเตะ แต่ทว่าปัจจุบัน มัลดินี่ เข้ามารับตำแหน่ง ตำแหน่งผู้
ก่อนหน้านี้ เซซาร่า มัลดินี พ่อบังเกิดเกล้าของเขาเองก็เคยเป็นนักเตะของมิลานมาก่อนเช่นเดียวกัน ในตอนนี้ถึงคราวรุ่นลูกอย่าง ดาเนียล มัลดินี่ ที่ตอนนี้เป็นนักเตะเยาวชนในทัพ รอสโซเนรี่ ตามรอยปู่และพ่อของตัวเอง เรียบร้อยแล้ว แต่จะเก่งได้เท่ารุ่นพ่อไหมก็ต้องติดตามกันต่อไป
แต่อย่างไรก็ตามตำนานเบอร์ 3 ของ เอซี มิลานยังอยู่ยงคงกระพันไม่มีทางเลื่อนไปจากความทรงจำของแฟนบอลปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน อย่างแน่นอน
โพสต์โดย : chat12345 เมื่อ 10 พ.ค. 2563 14:58:21 น. อ่าน 368 ตอบ 0