เมื่อบทความที่แล้วเฮียได้นำเสนอ 10 สุดยอดนักเตะ เชื่อว่าหลายคนได้อ่านไปหมดแล้ว แต่ก็มีนักเตะบางจำพวกที่กำลังเป็นดาวรุ่งแท้ๆแต่กลับดับฝันตัวเองไปสะอย่างนั้นด้วยที่เหตุมาจากอุปนิสัยส่วนตน บทความรอบนี้เฮียขอนำเสนอ ” 4 นักเตะดาวรุ่ง ที่ศูนย์หาย 2022 “
เชื่อว่า อาทิตย์ที่ผ่านมาทุกคนน่าจะได้ยินข่าวนักเตะชื่อดัง นั่นก็คือ เจ้าไม้เขียว กรีนวู๊ด สังกัดปีศาจแดง เลี้ยงเมียด้วยลำแข้งซึ่งถือว่าเป็นคดีร้ายแรงสำหรับต่างประเทศ และหากเป็นจริงก็ต้องถือว่าเป็นคราวดับสูญชื่สิ้นอของนักเตะรายนั้นเพราะถือว่าทำตัวเองแท้ๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วอย่างในรายของเบนจามิน เมนดี้ แบ็คซ้ายจอมแกร่งทีมชาติฝรั่งเศส ที่โดนรวบในคดีข่มขืน พรากผู้เยาว์ ซึ่งเรียบร้อยเข้าซังเตไปแล้ว Sexual Harassment หรือที่เราเรียกว่าการคุกคามทางเพศถือเป็นคดีที่ร้ายแรงมาก และผู้คนในต่างประเทศเขาไม่ยอมรับกันในสังคม ไม่ว่าจะออกจากซังเตมา แต่ยังไงสะก็จบสิ้นอาชีพการค้าแข้งของพวกเขาไปแล้ว นี่คือตัวอย่างนักเตะที่ทำลายชีวิต ชื่อเสียง เงินตรา และเกียรติยศของตัวเองเพียงเพราะความใคร่ และบันดาลโทสะ ความพลั้งพลาดทำให้ทุกอย่างในอนาคตเปลี่ยนไป
วันนี้เฮียไม่ได้จะมานำเสนอนักเตะที่ดับอนาคตตัวเองอย่างที่กล่าวมาด้านบน แต่มันก็จะมีนักเตะอีกจำพวกนึงที่ต้องบอกว่าน่าเสียดายในอนาคตการค้าแข้งที่ต้องจบก่อนวัยอันควร ไม่ใช่เพราะพวกเขาเกเร หรือไม่มีวินัย หรือทำตัวถ่อยเป็นกุ๋ยข้างทาง แต่เป็นเพราะสังขาล การบาดเจ็บอันต่อเนื่องทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจรีไทร์ก่อนที่ควรจะเป็น ความจริงอัตราอายุเฉลี่ยนักเตะที่เลิกเล่นจะอยู่ที่ 35-36 ปี ซึ่งบางรายอาจจะลากไปได้ยาวกว่านั้น อย่างในรายของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ลากยาวมาจนตอนนี้อายุปาไป 40 ปีเข้าไปแล้วก็ยังเล่นได้อยู่ เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล แต่บางคนที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ซึ่งก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายแม้บางคนอาจจะไม่ได้เป็นดาวดังอะไรมากมายนักแต่ก็โลดเล่นในลีคสูงสุดของประเทศมาตลอด
โอเว่น ฮาร์กรีฟ เกิดในปี คศ 1981 ตอนนี้ก็อายุ 41 ปีไปแล้วซึ่งเขาก็รีไทร์จากวงการฟุตบอลไปในปี 2012 ด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น ทีมสุดท้ายที่เล่นด้วยคือแมนเชสเตอร์ซิตี้ ฮาร์กรีฟไม่ได้บาดเจ็บจนกระทั่งต้องเลิกเล่นฟุตบอลเพียงแต่เขาบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่ได้มีโอกาสในการเล่นฟุตบอลมากนัก ฮาร์กรีฟ เริ่มเล่นฟุตบอลคัลการี่ในแคนนาดา ก่อนจะมาอยู่กับทีมเยาวชนของเสือใต้ บาเบิร์น มิวนิคในปี คศ 1997 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้นเอง ฮาร์กรีฟถือเป็น นักเตะดาวรุ่ง ที่น่าจับตามองสุดๆในตอนนั้น เขาเป็นนักเตะประเภทวิ่งสู้ฟัด แม้ตัวจะเล็กแต่ก็กัดไม่ปล่อย เล่นยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่มีทักษะการจ่ายบอลที่เฉียบคมสะด้วย เขาใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปีก่อนจะก้าวมาอยู่ทีมชุดใหญ่ของบาเยิร์น มิวนิคในปี 2000 ซึ่งอายุได้เพียง 19 ปีเท่านั้นเอง ในตอนนี้ชื่อเสียงเขาเริ่มดังกว่านักเตะในบรรดารุ่นเดียวกันเสียอีกจะเป็นรองก็แค่ ไมเคิล โอเว่น ซึ่งตอนนั้นโอเว่นอายุ 21 ปีเป็นดาวเด่นไปเสียแล้ว ฮาร์กรีฟเล่นให้บาเยิร์นไปทั้งสิ้น 218 เกมส์ ยิงได้ 10 ประตู และแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมไปอีก 26 ลูก จนทำให้เข้าไปเตะตายอดทีมในหลายๆลีคเข้าอย่างจัง จนสุดท้ายในฤดูกาล 2007/08 เฟอร์กี้ ยอดบรมกุนซือของปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ไปสู่ขอมาด้วยค่าตัวที่มากถึง 25 ล้านยูโรเลยทีเดียว หนทางก็เหมือนจะสดใส แต่แล้ว อาชีพของฮาร์กรีฟส์ก็ได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งมันเกิดขึ้นในปี 2006 ก่อนที่เขาจะย้ายมาแมนยูสะด้วยซ้ำไปและเป็นปีที่เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของอังกฤษในฟุตบอลโลก 2006 จากแหล่งข่าว ฮาร์กรีฟส์ระบุว่าเขาเชื่อว่าปัญหาอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขาเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อเขากลับมาจากอาการบาดเจ็บหลังจากขาหัก เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่ขาของเขาอ่อนแอกว่าก่อนที่เขาจะรักษาขาหักของเขาและในตอนแรก Hargreaves ไม่สนใจความเจ็บปวดยังคงเล่นต่อไป จนในปี 2008 นั่นเองอาการบาดเจ็บของเขาเริ่มหนักขึ้นถึงขั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหัวเข่าของฮาร์กรีฟส์อยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าที่อื่น ๆ ที่เขาเจอในประสบการณ์ 35 ปีของเขาเอง ฮาร์กรีฟเล่นอยู่กับปีศาจแดงทั้งสิ้น 4 ปี ได้ลงสนามในนามตัวจริงและรวมตัวสำรองเพียงแค่ 39 นัดเพียงเท่านั้นเอง จากอาการบาดเจ็บของเขาทำให้แมนยูตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับเขาต่อ และสุดท้ายเป็นแมนซิตี้ที่ดึงเขาไปร่วมทีมแต่กไม่มีอะไรมากมายนักเพราะลงไปแค่ 4 นัดเท่านั้นเอง สุดท้ายก็จำใจต้องรีไทร์ไปในที่สุดด้วยวัยเพียงแค่ 31 ปีเท่านั้น
ไรอัน เมสัน หรือ ชื่อเต็มๆว่า ไรอัน เกล็น เมสัน บุคคลผู้เคราะห์ร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลก็ว่าได้ เขาต้องยุติบทบาทการเป็นนักเตะอาชีพด้วยวัยเพียงแค่ 26 ปีเท่านั้นเอง ซึ่งความจริงแล้วตอนนี้เราควรได้เห็นเขาวิ่งเล่นอยู่ในฟลอหญ้าที่ไหนสักแห่งบนโลกแห่งนี้ แต่น่าเสียดายเป็นความโชคร้ายของเขาจริงๆ เมสันอาจจะไม่ใช่ดาวเตะชื่อดังระดับโลก แต่เชื่อว่าในเกาะอังกฤษเขาก็เป็นมิดฟิลด์ที่ได้รับการยอมรับคนหนึ่งเช่นกัน ไรอัน เมสันเริ่มค้าแข้งเป็นเด็กเยาวชนของไก่เดือยทอง ทอตแน่มฮอตสเปอร์ ก่อนจะถูกปล่อยตัวยืมไปที่ เยโอวิล ชีวิตค้าแข็งส่วนใหญ่ในถิ่นไวท์ ฮาร์ต เลนในตอนนั้นออกจะไปทางยืมตัวสะส่วนใหญ่ เขาผ่านเวทีเล็กใหญ่มาค่อนข้างครบถ้วน ไม่ว่าจะไปเล่นกับ ดอนเชสเตอร์ เยโอวิล มิลวอลล์ ลอริยงค์ ก่อนที่จะกลับมาติดทีมชุดใหญ่จริงๆจังๆกับสเปอร์ก็ในปี 2014/15 และลงสนามในปีนั้นช่วยสเปอร์ไปมากถึง 31 เกมส์ด้วยกัน เมสันเป็นมิดฟิลด์สไตล์ห้องเครื่อง box to box วิ่งได้ไม่มีหมดกล้าเข้าทุกจังหวะ ไล่บอลเก่ง เป็นประเภทใจสู้จริงๆ ทำให้ในปี 2015/16 ก็ยังได้รับโอกาสไว้วางใจอย่างต่อเนื่องช่วยสเปอร์ลงแข่งไปในลีคถึง 22 นัด ซึ่งรวมๆแล้วเขาลงเล่นให้สเปอร์ไปทั้งหมด 70 เกมส์ ยิงได้ 4 ลูกและแอสซิสต์ไป 4 ลูกเช่นกัน ก่อนจะถูกปล่อยไปให้ ฮัลล์ ซิตี้ในฤดูกาล 2016/17 และลงเล่นไปเพียงแค่ 20 เกมส์เท่านั้น ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2017 ในเกมส์กับเชลซีก็เกิดเหตุการ์ณที่น่าสะเทือนใจเกิดขึ้น เมื่อเมสันได้รับยาดเจ็บอย่างรุนแรงจากจังหวะที่ขึ้นกระโดดโหม่งแย่งบอลกับแกรี่ เคฮิลล์จนกะโหลกศรีษะร้าว ทำให้เมสันต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเพราะอาการหนักถึงขั้นเสี่ยงต่อชีวิต แม้ว่าเจ้าตัวจะยังมีความหวังที่จะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แต่ที่สุดแล้ว 13 เดือนต่อมา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 เจ้าตัวประกาศแขวนสตั๊ดตามคำแนะนำของหมอด้วยวัยเพียง 26 ปีเท่านั้น หากเขาไม่เจ็บก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะพัฒนาตัวเองจนเป็นกำลังหลักของทีมชาติอังกฤษก็เป็นไปได้
คิดว่าทุกคนบนโลกนี้ที่ชื่นชอบในการดูฟุตบอลจะต้องรู้จักชายผู้นี้ โดยเฉพาะแฟนบอลทั้งสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ฝั่งสีฟ้าจะจำเขาในนามฮีโร่ตลอดกาล ส่วนฝั่งสีแดงจะจำเขาในนามเพชรฆาตรผู้ปล้นถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีคไปจากมือของพวกเขาในนาทีตราบาป เซอร์จิโอ้ อเกวโร่ กุน เป็น นักเตะดาวรุ่ง ดาวยิงขนานแท้ ที่อันตรายตั้งแต่เด็กเรียกได้ว่ามีเชื่อเสียงตั้งแต่วัน 16-17 ปีแล้ว ชีวิตของเขาโลดแล่นอยู่ในแวดวงฟุตบอลที่ติดระดับท็อปของโลกมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง แล้วเอาเข้าจริงๆจำไม่ได้ด้วยว่าตอนไหนที่กุนฟอร์มดรอป เพราะเขารักษามาตราฐานได้ดีตั้งแต่เล่นให้กับ แอตเลติโก้ มาดริด จนมาอยู่แมนซิตี้ก็ไม่ได้ดรอปลงเลย แสดงให้เห็นถึงความมุ่นมั่นและความมีวินัยของกุน เขาลงสนามด้วยความทุ่มเทและความกระหายชัยชนะอยู่ตลอดเวลา เมื่อบอลอยู่ในเท้าของเขามันสามารถจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ กุน อเกวโร่ หรือจะเรียกว่า อเกวโร่ กุนก็ได้ไม่มีใครว่าอะไร เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรดังอย่างอินดิเพนดิเอนเต้ในลีกอาร์เจนติน่า ด้วยวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น เขาก็ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามไปเสียแล้วใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีก็กลายเป็นกำลังหลักของทีมโดยลงเล่นให้กับอินดิเพนดิเอนเต้ไป 38 นัด ยิงไปทั้งสิ้น 18 ประตู ก่อนที่แอตเลติโก้ มาดริดจะยอมทุ่มซื้อเด็กวัย 18 ปีไปมูลค่าถึง 21.70 ล้านยูโร ก็ถือว่าตัดสินใจได้ถูกต้อง เพราะการเข้ามาของกุน อเกวโร่ ทำให้ตราหมีสร้างประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เล่นให้ตรามีไป 5 ฤดูกาล ลงไปทั้งสิ้น 234 เกมส์และยิงประตูไป 101 ประตู บวกกับแอสซิสต์ไป 45 ลูก ตอนนั้นกุนถือว่าเป็นดาวยิงที่ดีที่สุดแล้ว จนทำให้แมนซิตี้ทุ่มเงินซื้อไป 40 ล้านยูโรเข้าเป็นตัวหลักการล่าแชมป์จนมาคว้าแชมป์ได้อย่างมากมายในสีเสื้อฟ้าของแมนซิตี้ กุน อเกวโร่ ในเสื้อสีฟ้า ทั้งถ้วยพรีเมียร์ลีค คาราบาวคัพ เอฟเอคัพ แต่ที่น่าเสียดายคือการที่ยังไม่ได้ชูถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคเสียที อเกวโร่อยู่กับแมนซิตี้มาเป็นเวลาทั้งหมด 10 ปี มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยๆตามภาษานักฟุตบอลไม่ได้ถึงขั้นร้ายแรงอะไรมากมายนัก จนกระทั่งตัดสินใจอำลาถิ่นแมนซิตี้ไปอยู่กับบาร์เซโลน่าแบบไม่มีค่าตัว ด้วยสัญญา 2 ปี ซึ่งตอนนั้นยังมีทั้ง เมสซี่ และกรีซมันส์ อยู่ในทีม ก็หมายหมั้นปั้นมือที่จะคว้าแชมป์ให้ต้นสังกัดให้ได้ โดยเฉพาะถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีค แต่ไม่รู้โชคชะตากลั่นแกล้งอย่างไร บาร์เซโลน่าดันถังแตก ไม่มีเงินจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะสะอย่างนั้น ทำให้ต้องปล่อยดาวดังมากมายออกจากทีมเพื่อรักษาสมดุลทางการเงิน แต่แล้วอเกวโร่ลงเล่นได้เพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น โดยในวันที่ 17 ตุลาคม เขาเปิดตัวเมื่อเขาลงจากม้านั่งในเกมที่ชนะบาเลนเซีย 3–1 และในการลงเล่นนัดแรกในเอล กลาซิโก้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม อาเกวโร่ลงมาเป็นตัวสํารองในนาทีที่ 77 โดยยิงประตูแรกให้กับสโมสรในนาทีสุดท้ายของเกมที่พ่ายคาบ้านต่อเรอัล มาดริด 2–1 และเจ็ดวันต่อมาเขาถูกนําตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการไม่สบายหน้าอกที่ได้รับการวินิจฉัยว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะระหว่างการเสมอกับอลาเวส 1-1 ในที่สุด มีรายงานในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ว่าเขาต้องพักเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน แต่แล้วในวันที่ 15 ธันวาคม 2021 อเกวโร่ก็ทำเรื่องช็อควงการฟุตบอล ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลตามคําแนะนําของแพทย์ ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก
Vassiriki Abou Diaby (ดิยาบี้) ถือสัญชาติฝรั่งเศส แจ้งเกิดเต็มตัวกับอาร์เซนอล เป็นห้องเครื่องสไตล์ box to box คนสำคัญของอาร์เซน เวนเกอร์ เล่นได้ทั้งรุกและรับ เขาเคยถูกยกยอทาบรุ่นกับรุ่นพี่อย่าง ปาทริค วิเอร่า รุ่นพี่ทั้งในสโมสรและทีมชาติฝรังเศส ด้วยสไตล์การเล่นที่คล้ายกัน สูงโย่งยาว ครองบอลได้อย่างเหนียวแน่นและแย่งบอลเก่ง เข้าบอลดุดัน เหมือนกันเป๊ะเลย ดิยาบี้เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมดังในฝรั่งเศสอย่างโอแซร์และขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ในปี 2004
โพสต์โดย : Great Dane เมื่อ 8 ก.พ. 2565 17:29:48 น. อ่าน 230 ตอบ 0